จำหน่ายอุปกรณ์ในการปลูกพืชไฮโดรโพนิกส์ (พืชไร้ดิน), เมล็ดพันธุ์พืช, ปุ๋ย A,B,C,K และให้คำแนะนำเกี่ยวกับการปลูก
วันพุธที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2558
มะเขือม่วงยักษ์ แบล็คบิวตี้ (ฺBlack Beauty Eggplant)
มะเขือม่วง จัดเป็นพืชล้มลุกหรือไม้พุ่มขนาดเล็ก มีความสูงประมาณ 1 - 1.5 เมตร ลำต้นมีขนอ่อนปกคลุมอยู่ทั่วไปของลำต้นและใบ บางสายพันธุ์อาจจะมีหนามเล็กๆ อยู่บ้าง สามารถออกดอกและให้ผลผลิตได้ตลอดทั้งปี ขยายพันธุ์ด้วยการใช้เมล็ด
ลักษณะของใบเป็นใบเลี้ยงเดี่ยว ออกสลับข้างกัน ใบมีรูปร่างค่อนข้างกลม มีปลายใบแหลม ขอบใบมีหยัก
ดอกจะออกตามซอกใบ เป็นดอกแบบสมบูรณ์เพศ มีกลีบเลี้ยงดอกเป็นสีเขียว แต่ถ้าเป็นมะเขือม่วงสายพันธุ์ญี่ปุ่นกลีบเลี้ยงดอกจะเป็นสีม่วงหรือสีดำ กลีบดอกมีสีม่วง 5 กลีบ ดอกจะบายอยู่ประมาณ 2 - 3 วัน
ผลมีลักษณะกลมรี รูปหยดน้ำ ผิวเรียบเป็นมันเงา ถ้าผลถูกแสงแดดมากๆจะเปลี่ยนจากสีน้ำตาลหรือม่วงเป็นสีดำเข้ม น้ำหนักเฉลี่ยของผลอยู่ที่ประมาณ 400 - 600 กรัม
การเพาะเมล็ด
เช่นเดียวกับพืชตระกูลพริกต่างๆ ให้นำเมล็ดมาแช่น้ำอุ่นประมาณ 50 องศาเซลเซียส โดยแช่ทิ้งไว้ประมาณ 3 - 4 ชั่วโมง หรือจนกว่าเมล็ดจะจมน้ำ จากนั้นให้นำเมล็ดมาเพาะในกล่องพลาสติกถนอมอาหารโดยวางรองด้วยกระดาษชำระพรมน้ำให้ชุ่ม จากนั้นปิดฝาให้สนิท นำไปตากแดดในช่วงเช้าประมาณ 2 - 3 ชั่วโมง จะทำให้เมล็ดงอกเร็วขึ้น โดยปกติจะใช้เวลาในการงอกประมาณ 5 - 10 วัน เมื่อเมล็ดเริ่มงอกก็นำไปเพาะลงวัสดุปลูกต่อไป
มะเขือเทศเชอรี่ลูกแพร์ สีเหลือง (Yellow Pear Cherry Tomato)
วิธีการเพาะเมล็ด
1. การเพาะเมล็ดมะเขือเทศ
นำเมล็ดพันธุ์มะเขือเทศแช่ในน้ำสะอาดประมาณ ประมาณ ไม่เกิน 1 สัปดาห์ จะสังเกตุเห็นรากสีขาวโผล่ออกจากเมล็ดให้รีบย้ายปลูกได้เลยครับ
นำเมล็ดพันธุ์มะเขือเทศแช่ในน้ำสะอาดประมาณ ประมาณ ไม่เกิน 1 สัปดาห์ จะสังเกตุเห็นรากสีขาวโผล่ออกจากเมล็ดให้รีบย้ายปลูกได้เลยครับ
2. การเพาะกล้า
• บรรจุวัสดุเพาะกล้า (พีทมอส, เพอร์ไลท์, ฟองน้ำ ฯลฯ)
• นำเมล็ดทีบ่มการงอกมาหยอดลงในถาดเพาะโดยวางให้เมล็ดอยู่ในแนวนอนทำมุมประมาณ 45 องศา และปลายรากแทงลงวัสดุเพาะ ระวังอย่าให้รากอ่อนของเมล็ดหักหรือแห้ง กลบด้วยวัสดุเพาะกล้า แล้วกดทับเบาๆ
• รดน้ำให้ชุ่ม นำไปเก็บในโรงเรือนเพาะกล้า หรือบริเวณที่มีแสงแดดรำไร
• รดน้ำทุกวัน เพื่อให้วัสดุเพาะกล้าชุ่มอยู่เสมอ จนอายุกล้าได้ 20-30 วัน ก็สามารถย้ายปลูกได้เลยครับ
3. การย้ายกล้า
ควรย้ายกล้าเมื่อมีใบแท้ 4-5 ใบ หรืออายุไม่เกิน 20-30 วัน ข้อควรระวังในการย้ายกล้าลงปลูกในแปลง ควรปฏิบัติดังนี้
1. หากมีการเคลื่อนย้ายต้นกล้าจากโรงเรือนไปแปลงเพาะปลูกที่มีระยะห่างกันมาก ควรพักต้นกล้าก่อน ปลูกอย่างน้อย 1 วัน
2. ก่อนปลูก 2 วัน ควรรดน้ำแปลงให้ชุ่ม และพ่นสารป้องกันกำจัดแมลงและโรคพืช
3. ควรย้ายกล้าในช่วงเย็น อากาศไม่ร้อนแดดไม่จัด
4. หลุมปลูกควรมีความลึกและกว้าง เท่ากับขนาดหลุมของถาดเพาะกล้า
5. ควรระวังอย่าให้วัสดุเพาะแตกหรือรากขาด เพราะจะทำให้ต้นกล้าชะงักการเจริญเติบโต (ควรฉีดยาป้องกันเชื้อราร่วมด้วย)
6. เวลาย้ายต้นกล้าจากถาดเพาะลงแปลง ให้จับบริเวณปลายยอดไม่ควรดึงหรือบีบบริเวณโคนต้นกลบดินครอบคลุมโดนต้นกล้า
การตัดแต่งมะเขือเทศ
สำหรับมะเขือเทศเชอร์รี่ลูกแพร์ จะมีจำนวนผลต่อกิ่งประมาณ 9 - 10 ลูก แต่เพื่อความสมบูรณ์ของผลเราจึง ควรมีการจำกัดจำนวนผลใน 1 ช่อ โดยการตัดผลส่วนปลายออกบางส่วน คงเหลือไว้ 6 -8 ผลต่อช่อ เพื่อให้ผลที่สมบูรณ์ที่สุด
ขั้นตอนการตัดแต่งแขนง
มะเขือเทศควรมีการตัดแต่งและเด็ดแขนงด้านข้าง และใบแก่ด้านล่างที่ต่ำกว่าช่อดอกออก (ตามภาพด้านล่าง) เพื่อทำให้ต้นพืชมีการระบายอากาศได้ดี ซึ่งช่วยลดการเข้าทำลายของโรค และควรเด็ดแขนงด้านข้างก่อนยาวมากกว่า 5 ซม. ควรตัดแต่งในช่วงตอนเช้า เพื่อให้แสงแดดช่วยในการปิดบาดแผล และต้นพืชสามารถรักษาแผลได้เร็ว ป้องกันการเข้าทำลายของโรคผ่านทางบาดแผล หลังจากต้นมะเขือสูงได้ประมาณ 1.8 ม. ให้ตัดยอดต้นมะเขือออกด้วย เนื่องจากผลผลิตที่ได้จากด้านบนคุณภาพจะเริ่มลดลง
ขั้นตอนการผสมดอก
1. ในโรงเรือน การผสมเกสรของมะเขือเทศจะอาศัยผึ้งในการผสมเกสร โดยผึ้งจะถูกนำมาใส่ไว้ตั้งแต่เริ่มเกิดดอกแรก
2. ถ้าไม่ใช้ผึ้ง การผสมเกสรจะสามารถทำได้โดยการเขย่าดอก โดยทำการเขย่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์
หมายเหตุ:
เมื่ออุณภูมิกลางคืนต่ำกว่า 10 C และต่ำเป็นช่วงเวลายาวระหว่างกลางวัน จะทำให้มะเขือเทศลดจำนวนและความมีชีวิตของเกสรลง ถ้าไม่มีเกสรก็ไม่มีประโยชน์ในการใช้ผึ้งหรือการเขย่า ดังนั้นการใช้ฮอร์โมนจึงถูกนำมาใช้ ฮอร์โมนที่ใช้ช่วยให้ติดผลได้ แต่การใช้ฮอร์โมนช่วยในการติดผล จะส่งผลทำให้รูปร่างผลผิดปกติด้วย
อายุการเก็บเกี่ยว
ขึ้นกับสายพันธุ์และชนิดของมะเขือเทศ
1. Cherry type 40-50 วันหลังย้ายกล้า
2. Seda type 50-60 วันหลังย้ายกล้า
3. Processing , Roma , Table type 60-75 วันหลังย้ายกล้า
2. Seda type 50-60 วันหลังย้ายกล้า
3. Processing , Roma , Table type 60-75 วันหลังย้ายกล้า
มะเขือเทศเชอรี่ลูกแพร์ สีแดง (Red Pear Cherry Tomato)
วิธีการเพาะเมล็ด
1. การเพาะเมล็ดมะเขือเทศ
นำเมล็ดพันธุ์มะเขือเทศแช่ในน้ำสะอาดประมาณ ประมาณ ไม่เกิน 1 สัปดาห์ จะสังเกตุเห็นรากสีขาวโผล่ออกจากเมล็ดให้รีบย้ายปลูกได้เลยครับ
นำเมล็ดพันธุ์มะเขือเทศแช่ในน้ำสะอาดประมาณ ประมาณ ไม่เกิน 1 สัปดาห์ จะสังเกตุเห็นรากสีขาวโผล่ออกจากเมล็ดให้รีบย้ายปลูกได้เลยครับ
2. การเพาะกล้า
• บรรจุวัสดุเพาะกล้า (พีทมอส, เพอร์ไลท์, ฟองน้ำ ฯลฯ)
• นำเมล็ดทีบ่มการงอกมาหยอดลงในถาดเพาะโดยวางให้เมล็ดอยู่ในแนวนอนทำมุมประมาณ 45 องศา และปลายรากแทงลงวัสดุเพาะ ระวังอย่าให้รากอ่อนของเมล็ดหักหรือแห้ง กลบด้วยวัสดุเพาะกล้า แล้วกดทับเบาๆ
• รดน้ำให้ชุ่ม นำไปเก็บในโรงเรือนเพาะกล้า หรือบริเวณที่มีแสงแดดรำไร
• รดน้ำทุกวัน เพื่อให้วัสดุเพาะกล้าชุ่มอยู่เสมอ จนอายุกล้าได้ 20-30 วัน ก็สามารถย้ายปลูกได้เลยครับ
3. การย้ายกล้า
ควรย้ายกล้าเมื่อมีใบแท้ 4-5 ใบ หรืออายุไม่เกิน 20-30 วัน ข้อควรระวังในการย้ายกล้าลงปลูกในแปลง ควรปฏิบัติดังนี้
1. หากมีการเคลื่อนย้ายต้นกล้าจากโรงเรือนไปแปลงเพาะปลูกที่มีระยะห่างกันมาก ควรพักต้นกล้าก่อน ปลูกอย่างน้อย 1 วัน
2. ก่อนปลูก 2 วัน ควรรดน้ำแปลงให้ชุ่ม และพ่นสารป้องกันกำจัดแมลงและโรคพืช
3. ควรย้ายกล้าในช่วงเย็น อากาศไม่ร้อนแดดไม่จัด
4. หลุมปลูกควรมีความลึกและกว้าง เท่ากับขนาดหลุมของถาดเพาะกล้า
5. ควรระวังอย่าให้วัสดุเพาะแตกหรือรากขาด เพราะจะทำให้ต้นกล้าชะงักการเจริญเติบโต (ควรฉีดยาป้องกันเชื้อราร่วมด้วย)
6. เวลาย้ายต้นกล้าจากถาดเพาะลงแปลง ให้จับบริเวณปลายยอดไม่ควรดึงหรือบีบบริเวณโคนต้นกลบดินครอบคลุมโดนต้นกล้า
การตัดแต่งมะเขือเทศ
สำหรับมะเขือเทศเชอร์รี่ลูกแพร์ จะมีจำนวนผลต่อกิ่งประมาณ 9 - 10 ลูก แต่เพื่อความสมบูรณ์ของผลเราจึง ควรมีการจำกัดจำนวนผลใน 1 ช่อ โดยการตัดผลส่วนปลายออกบางส่วน คงเหลือไว้ 6 -8 ผลต่อช่อ เพื่อให้ผลที่สมบูรณ์ที่สุด
ขั้นตอนการตัดแต่งแขนง
มะเขือเทศควรมีการตัดแต่งและเด็ดแขนงด้านข้าง และใบแก่ด้านล่างที่ต่ำกว่าช่อดอกออก (ตามภาพด้านล่าง) เพื่อทำให้ต้นพืชมีการระบายอากาศได้ดี ซึ่งช่วยลดการเข้าทำลายของโรค และควรเด็ดแขนงด้านข้างก่อนยาวมากกว่า 5 ซม. ควรตัดแต่งในช่วงตอนเช้า เพื่อให้แสงแดดช่วยในการปิดบาดแผล และต้นพืชสามารถรักษาแผลได้เร็ว ป้องกันการเข้าทำลายของโรคผ่านทางบาดแผล หลังจากต้นมะเขือสูงได้ประมาณ 1.8 ม. ให้ตัดยอดต้นมะเขือออกด้วย เนื่องจากผลผลิตที่ได้จากด้านบนคุณภาพจะเริ่มลดลง
ขั้นตอนการผสมดอก
1. ในโรงเรือน การผสมเกสรของมะเขือเทศจะอาศัยผึ้งในการผสมเกสร โดยผึ้งจะถูกนำมาใส่ไว้ตั้งแต่เริ่มเกิดดอกแรก
2. ถ้าไม่ใช้ผึ้ง การผสมเกสรจะสามารถทำได้โดยการเขย่าดอก โดยทำการเขย่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์
หมายเหตุ:
เมื่ออุณภูมิกลางคืนต่ำกว่า 10 C และต่ำเป็นช่วงเวลายาวระหว่างกลางวัน จะทำให้มะเขือเทศลดจำนวนและความมีชีวิตของเกสรลง ถ้าไม่มีเกสรก็ไม่มีประโยชน์ในการใช้ผึ้งหรือการเขย่า ดังนั้นการใช้ฮอร์โมนจึงถูกนำมาใช้ ฮอร์โมนที่ใช้ช่วยให้ติดผลได้ แต่การใช้ฮอร์โมนช่วยในการติดผล จะส่งผลทำให้รูปร่างผลผิดปกติด้วย
อายุการเก็บเกี่ยว
ขึ้นกับสายพันธุ์และชนิดของมะเขือเทศ
1. Cherry type 40-50 วันหลังย้ายกล้า
2. Seda type 50-60 วันหลังย้ายกล้า
3. Processing , Roma , Table type 60-75 วันหลังย้ายกล้า
2. Seda type 50-60 วันหลังย้ายกล้า
3. Processing , Roma , Table type 60-75 วันหลังย้ายกล้า
มะเขือเทศเชอรี่ เรดกาเน็ท (Red Garnet Cherry Tomato)
วิธีการเพาะเมล็ด
1. การเพาะเมล็ดมะเขือเทศ
นำเมล็ดพันธุ์มะเขือเทศแช่ในน้ำสะอาดประมาณ ประมาณ ไม่เกิน 1 สัปดาห์ จะสังเกตุเห็นรากสีขาวโผล่ออกจากเมล็ดให้รีบย้ายปลูกได้เลยครับ
นำเมล็ดพันธุ์มะเขือเทศแช่ในน้ำสะอาดประมาณ ประมาณ ไม่เกิน 1 สัปดาห์ จะสังเกตุเห็นรากสีขาวโผล่ออกจากเมล็ดให้รีบย้ายปลูกได้เลยครับ
2. การเพาะกล้า
• บรรจุวัสดุเพาะกล้า (พีทมอส, เพอร์ไลท์, ฟองน้ำ ฯลฯ)
• นำเมล็ดทีบ่มการงอกมาหยอดลงในถาดเพาะโดยวางให้เมล็ดอยู่ในแนวนอนทำมุมประมาณ 45 องศา และปลายรากแทงลงวัสดุเพาะ ระวังอย่าให้รากอ่อนของเมล็ดหักหรือแห้ง กลบด้วยวัสดุเพาะกล้า แล้วกดทับเบาๆ
• รดน้ำให้ชุ่ม นำไปเก็บในโรงเรือนเพาะกล้า หรือบริเวณที่มีแสงแดดรำไร
• รดน้ำทุกวัน เพื่อให้วัสดุเพาะกล้าชุ่มอยู่เสมอ จนอายุกล้าได้ 20-30 วัน ก็สามารถย้ายปลูกได้เลยครับ
3. การย้ายกล้า
ควรย้ายกล้าเมื่อมีใบแท้ 4-5 ใบ หรืออายุไม่เกิน 20-30 วัน ข้อควรระวังในการย้ายกล้าลงปลูกในแปลง ควรปฏิบัติดังนี้
1. หากมีการเคลื่อนย้ายต้นกล้าจากโรงเรือนไปแปลงเพาะปลูกที่มีระยะห่างกันมาก ควรพักต้นกล้าก่อน ปลูกอย่างน้อย 1 วัน
2. ก่อนปลูก 2 วัน ควรรดน้ำแปลงให้ชุ่ม และพ่นสารป้องกันกำจัดแมลงและโรคพืช
3. ควรย้ายกล้าในช่วงเย็น อากาศไม่ร้อนแดดไม่จัด
4. หลุมปลูกควรมีความลึกและกว้าง เท่ากับขนาดหลุมของถาดเพาะกล้า
5. ควรระวังอย่าให้วัสดุเพาะแตกหรือรากขาด เพราะจะทำให้ต้นกล้าชะงักการเจริญเติบโต (ควรฉีดยาป้องกันเชื้อราร่วมด้วย)
6. เวลาย้ายต้นกล้าจากถาดเพาะลงแปลง ให้จับบริเวณปลายยอดไม่ควรดึงหรือบีบบริเวณโคนต้นกลบดินครอบคลุมโดนต้นกล้า
การตัดแต่งมะเขือเทศ
สำหรับมะเขือเทศเชอรี่ เรดกาเน็ท จะมีจำนวนผลต่อกิ่งประมาณ 10 - 15 ลูก แต่เพื่อความสมบูรณ์ของผลเราจึง ควรมีการจำกัดจำนวนผลใน 1 ช่อ โดยการตัดผลส่วนปลายออกบางส่วน คงเหลือไว้ 8 -10 ผลต่อช่อ เพื่อให้ผลมีขนาดใหญ่ มีสม่ำเสมอ และได้ความหวานสูงสุด
ขั้นตอนการตัดแต่งแขนง
มะเขือเทศควรมีการตัดแต่งและเด็ดแขนงด้านข้าง และใบแก่ด้านล่างที่ต่ำกว่าช่อดอกออก (ตามภาพด้านล่าง) เพื่อทำให้ต้นพืชมีการระบายอากาศได้ดี ซึ่งช่วยลดการเข้าทำลายของโรค และควรเด็ดแขนงด้านข้างก่อนยาวมากกว่า 5 ซม. ควรตัดแต่งในช่วงตอนเช้า เพื่อให้แสงแดดช่วยในการปิดบาดแผล และต้นพืชสามารถรักษาแผลได้เร็ว ป้องกันการเข้าทำลายของโรคผ่านทางบาดแผล หลังจากต้นมะเขือสูงได้ประมาณ 1.8 ม. ให้ตัดยอดต้นมะเขือออกด้วย เนื่องจากผลผลิตที่ได้จากด้านบนคุณภาพจะเริ่มลดลง
ขั้นตอนการผสมดอก
1. ในโรงเรือน การผสมเกสรของมะเขือเทศจะอาศัยผึ้งในการผสมเกสร โดยผึ้งจะถูกนำมาใส่ไว้ตั้งแต่เริ่มเกิดดอกแรก
2. ถ้าไม่ใช้ผึ้ง การผสมเกสรจะสามารถทำได้โดยการเขย่าดอก โดยทำการเขย่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์
หมายเหตุ:
เมื่ออุณภูมิกลางคืนต่ำกว่า 10 C และต่ำเป็นช่วงเวลายาวระหว่างกลางวัน จะทำให้มะเขือเทศลดจำนวนและความมีชีวิตของเกสรลง ถ้าไม่มีเกสรก็ไม่มีประโยชน์ในการใช้ผึ้งหรือการเขย่า ดังนั้นการใช้ฮอร์โมนจึงถูกนำมาใช้ ฮอร์โมนที่ใช้ช่วยให้ติดผลได้ แต่การใช้ฮอร์โมนช่วยในการติดผล จะส่งผลทำให้รูปร่างผลผิดปกติด้วย
อายุการเก็บเกี่ยว
ขึ้นกับสายพันธุ์และชนิดของมะเขือเทศ
1. Cherry type 40-50 วันหลังย้ายกล้า
2. Seda type 50-60 วันหลังย้ายกล้า
3. Processing , Roma , Table type 60-75 วันหลังย้ายกล้า
2. Seda type 50-60 วันหลังย้ายกล้า
3. Processing , Roma , Table type 60-75 วันหลังย้ายกล้า
มะเขือเทศเชอรี่จิ๋ว แมท ไวล์ด (ฺMatt's wild Cherry Tomato)
วิธีการเพาะเมล็ด
1. การเพาะเมล็ดมะเขือเทศ
นำเมล็ดพันธุ์มะเขือเทศแช่ในน้ำสะอาดประมาณ ประมาณ ไม่เกิน 1 สัปดาห์ จะสังเกตุเห็นรากสีขาวโผล่ออกจากเมล็ดให้รีบย้ายปลูกได้เลยครับ
นำเมล็ดพันธุ์มะเขือเทศแช่ในน้ำสะอาดประมาณ ประมาณ ไม่เกิน 1 สัปดาห์ จะสังเกตุเห็นรากสีขาวโผล่ออกจากเมล็ดให้รีบย้ายปลูกได้เลยครับ
2. การเพาะกล้า
• บรรจุวัสดุเพาะกล้า (พีทมอส, เพอร์ไลท์, ฟองน้ำ ฯลฯ)
• นำเมล็ดทีบ่มการงอกมาหยอดลงในถาดเพาะโดยวางให้เมล็ดอยู่ในแนวนอนทำมุมประมาณ 45 องศา และปลายรากแทงลงวัสดุเพาะ ระวังอย่าให้รากอ่อนของเมล็ดหักหรือแห้ง กลบด้วยวัสดุเพาะกล้า แล้วกดทับเบาๆ
• รดน้ำให้ชุ่ม นำไปเก็บในโรงเรือนเพาะกล้า หรือบริเวณที่มีแสงแดดรำไร
• รดน้ำทุกวัน เพื่อให้วัสดุเพาะกล้าชุ่มอยู่เสมอ จนอายุกล้าได้ 20-30 วัน ก็สามารถย้ายปลูกได้เลยครับ
3. การย้ายกล้า
ควรย้ายกล้าเมื่อมีใบแท้ 4-5 ใบ หรืออายุไม่เกิน 20-30 วัน ข้อควรระวังในการย้ายกล้าลงปลูกในแปลง ควรปฏิบัติดังนี้
1. หากมีการเคลื่อนย้ายต้นกล้าจากโรงเรือนไปแปลงเพาะปลูกที่มีระยะห่างกันมาก ควรพักต้นกล้าก่อน ปลูกอย่างน้อย 1 วัน
2. ก่อนปลูก 2 วัน ควรรดน้ำแปลงให้ชุ่ม และพ่นสารป้องกันกำจัดแมลงและโรคพืช
3. ควรย้ายกล้าในช่วงเย็น อากาศไม่ร้อนแดดไม่จัด
4. หลุมปลูกควรมีความลึกและกว้าง เท่ากับขนาดหลุมของถาดเพาะกล้า
5. ควรระวังอย่าให้วัสดุเพาะแตกหรือรากขาด เพราะจะทำให้ต้นกล้าชะงักการเจริญเติบโต (ควรฉีดยาป้องกันเชื้อราร่วมด้วย)
6. เวลาย้ายต้นกล้าจากถาดเพาะลงแปลง ให้จับบริเวณปลายยอดไม่ควรดึงหรือบีบบริเวณโคนต้นกลบดินครอบคลุมโดนต้นกล้า
การตัดแต่งมะเขือเทศ
สำหรับมะเขือเทศเชอรี่จิ๋ว แมทไวล์ด จะมีจำนวนผลต่อกิ่งประมาณ 8 - 10 ลูก ให้เก็บได้ทั้งพวงโดยไม่ต้องตัดผลด้านล่างออกทิ้ง
ขั้นตอนการตัดแต่งแขนง
มะเขือเทศควรมีการตัดแต่งและเด็ดแขนงด้านข้าง และใบแก่ด้านล่างที่ต่ำกว่าช่อดอกออก (ตามภาพด้านล่าง) เพื่อทำให้ต้นพืชมีการระบายอากาศได้ดี ซึ่งช่วยลดการเข้าทำลายของโรค และควรเด็ดแขนงด้านข้างก่อนยาวมากกว่า 5 ซม. ควรตัดแต่งในช่วงตอนเช้า เพื่อให้แสงแดดช่วยในการปิดบาดแผล และต้นพืชสามารถรักษาแผลได้เร็ว ป้องกันการเข้าทำลายของโรคผ่านทางบาดแผล หลังจากต้นมะเขือสูงได้ประมาณ 1.8 ม. ให้ตัดยอดต้นมะเขือออกด้วย เนื่องจากผลผลิตที่ได้จากด้านบนคุณภาพจะเริ่มลดลง
ขั้นตอนการผสมดอก
1. ในโรงเรือน การผสมเกสรของมะเขือเทศจะอาศัยผึ้งในการผสมเกสร โดยผึ้งจะถูกนำมาใส่ไว้ตั้งแต่เริ่มเกิดดอกแรก
2. ถ้าไม่ใช้ผึ้ง การผสมเกสรจะสามารถทำได้โดยการเขย่าดอก โดยทำการเขย่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์
หมายเหตุ:
เมื่ออุณภูมิกลางคืนต่ำกว่า 10 C และต่ำเป็นช่วงเวลายาวระหว่างกลางวัน จะทำให้มะเขือเทศลดจำนวนและความมีชีวิตของเกสรลง ถ้าไม่มีเกสรก็ไม่มีประโยชน์ในการใช้ผึ้งหรือการเขย่า ดังนั้นการใช้ฮอร์โมนจึงถูกนำมาใช้ ฮอร์โมนที่ใช้ช่วยให้ติดผลได้ แต่การใช้ฮอร์โมนช่วยในการติดผล จะส่งผลทำให้รูปร่างผลผิดปกติด้วย
อายุการเก็บเกี่ยว
ขึ้นกับสายพันธุ์และชนิดของมะเขือเทศ
1. Cherry type 40-50 วันหลังย้ายกล้า
2. Seda type 50-60 วันหลังย้ายกล้า
3. Processing , Roma , Table type 60-75 วันหลังย้ายกล้า
2. Seda type 50-60 วันหลังย้ายกล้า
3. Processing , Roma , Table type 60-75 วันหลังย้ายกล้า
มะเขือเทศ อินดิโก้ โรส (Indigo Rose Tomato)
มะเขือเทศ อินดิโก้ โรส เป็นความสำเร็จของ มหาวิทยาลัย โอเรกอน สหรัฐอเมริกาในการพัฒนาสายพันธุ์ของมะเขือเทศให้มีคุณค่าทางอาหารสูง โดยเฉพาะการพัฒนาให้มะเขือเทศสามารถผลิตสารต้านอนุมูลอิสระโดยเฉพาะสาร "แอนโทไซยานิน" ที่จะพบมากในผลไม้กลุ่มเบอรี่ที่มีสีม่วง เช่น บลูเบอรี่
วิธีการเพาะเมล็ด
1. การเพาะเมล็ดมะเขือเทศ
นำเมล็ดพันธุ์มะเขือเทศแช่ในน้ำสะอาดประมาณ ประมาณ ไม่เกิน 1 สัปดาห์ จะสังเกตุเห็นรากสีขาวโผล่ออกจากเมล็ดให้รีบย้ายปลูกได้เลยครับ
นำเมล็ดพันธุ์มะเขือเทศแช่ในน้ำสะอาดประมาณ ประมาณ ไม่เกิน 1 สัปดาห์ จะสังเกตุเห็นรากสีขาวโผล่ออกจากเมล็ดให้รีบย้ายปลูกได้เลยครับ
2. การเพาะกล้า
• บรรจุวัสดุเพาะกล้า (พีทมอส, เพอร์ไลท์, ฟองน้ำ ฯลฯ)
• นำเมล็ดทีบ่มการงอกมาหยอดลงในถาดเพาะโดยวางให้เมล็ดอยู่ในแนวนอนทำมุมประมาณ 45 องศา และปลายรากแทงลงวัสดุเพาะ ระวังอย่าให้รากอ่อนของเมล็ดหักหรือแห้ง กลบด้วยวัสดุเพาะกล้า แล้วกดทับเบาๆ
• รดน้ำให้ชุ่ม นำไปเก็บในโรงเรือนเพาะกล้า หรือบริเวณที่มีแสงแดดรำไร
• รดน้ำทุกวัน เพื่อให้วัสดุเพาะกล้าชุ่มอยู่เสมอ จนอายุกล้าได้ 20-30 วัน ก็สามารถย้ายปลูกได้เลยครับ
3. การย้ายกล้า
ควรย้ายกล้าเมื่อมีใบแท้ 4-5 ใบ หรืออายุไม่เกิน 20-30 วัน ข้อควรระวังในการย้ายกล้าลงปลูกในแปลง ควรปฏิบัติดังนี้
1. หากมีการเคลื่อนย้ายต้นกล้าจากโรงเรือนไปแปลงเพาะปลูกที่มีระยะห่างกันมาก ควรพักต้นกล้าก่อน ปลูกอย่างน้อย 1 วัน
2. ก่อนปลูก 2 วัน ควรรดน้ำแปลงให้ชุ่ม และพ่นสารป้องกันกำจัดแมลงและโรคพืช
3. ควรย้ายกล้าในช่วงเย็น อากาศไม่ร้อนแดดไม่จัด
4. หลุมปลูกควรมีความลึกและกว้าง เท่ากับขนาดหลุมของถาดเพาะกล้า
5. ควรระวังอย่าให้วัสดุเพาะแตกหรือรากขาด เพราะจะทำให้ต้นกล้าชะงักการเจริญเติบโต (ควรฉีดยาป้องกันเชื้อราร่วมด้วย)
6. เวลาย้ายต้นกล้าจากถาดเพาะลงแปลง ให้จับบริเวณปลายยอดไม่ควรดึงหรือบีบบริเวณโคนต้นกลบดินครอบคลุมโดนต้นกล้า
การตัดแต่งมะเขือเทศ
สำหรับมะเขือเทศอินดิโก้โรส จะมีจำนวนผลต่อกิ่งประมาณ 8 - 10 ลูก แต่เพื่อความสมบูรณ์ของผลเราจึง ควรมีการจำกัดจำนวนผลใน 1 ช่อ โดยการตัดผลส่วนปลายออกบางส่วน คงเหลือไว้ 5 - 6 ผลต่อช่อ เพื่อให้ผลมีขนาดใหญ่ มีสม่ำเสมอ และได้คุณภาพสูงสุด
ขั้นตอนการตัดแต่งแขนง
มะเขือเทศควรมีการตัดแต่งและเด็ดแขนงด้านข้าง และใบแก่ด้านล่างที่ต่ำกว่าช่อดอกออก (ตามภาพด้านล่าง) เพื่อทำให้ต้นพืชมีการระบายอากาศได้ดี ซึ่งช่วยลดการเข้าทำลายของโรค และควรเด็ดแขนงด้านข้างก่อนยาวมากกว่า 5 ซม. ควรตัดแต่งในช่วงตอนเช้า เพื่อให้แสงแดดช่วยในการปิดบาดแผล และต้นพืชสามารถรักษาแผลได้เร็ว ป้องกันการเข้าทำลายของโรคผ่านทางบาดแผล หลังจากต้นมะเขือสูงได้ประมาณ 1.8 ม. ให้ตัดยอดต้นมะเขือออกด้วย เนื่องจากผลผลิตที่ได้จากด้านบนคุณภาพจะเริ่มลดลง
ขั้นตอนการผสมดอก
1. ในโรงเรือน การผสมเกสรของมะเขือเทศจะอาศัยผึ้งในการผสมเกสร โดยผึ้งจะถูกนำมาใส่ไว้ตั้งแต่เริ่มเกิดดอกแรก
2. ถ้าไม่ใช้ผึ้ง การผสมเกสรจะสามารถทำได้โดยการเขย่าดอก โดยทำการเขย่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์
หมายเหตุ:
เมื่ออุณภูมิกลางคืนต่ำกว่า 10 C และต่ำเป็นช่วงเวลายาวระหว่างกลางวัน จะทำให้มะเขือเทศลดจำนวนและความมีชีวิตของเกสรลง ถ้าไม่มีเกสรก็ไม่มีประโยชน์ในการใช้ผึ้งหรือการเขย่า ดังนั้นการใช้ฮอร์โมนจึงถูกนำมาใช้ ฮอร์โมนที่ใช้ช่วยให้ติดผลได้ แต่การใช้ฮอร์โมนช่วยในการติดผล จะส่งผลทำให้รูปร่างผลผิดปกติด้วย
อายุการเก็บเกี่ยว
ขึ้นกับสายพันธุ์และชนิดของมะเขือเทศ
1. Cherry type 40-50 วันหลังย้ายกล้า
2. Seda type 50-60 วันหลังย้ายกล้า
3. Processing , Roma , Table type 60-75 วันหลังย้ายกล้า
2. Seda type 50-60 วันหลังย้ายกล้า
3. Processing , Roma , Table type 60-75 วันหลังย้ายกล้า
มะเขือเทศหวาน ซุปเปอร์สวีท 100 (Super Sweet 100 Cherry Tomato)
มะเขือเทศเชอรี่หวาน ซุปเปอร์ สวีท 100 เป็นมะเขือเทศเชอรี่สายพันธุ์ดั่งเดิมที่คนยุโรป และอเมริการู้จักกันเป็นอย่างดี ด้วยความหวานประมาณ 7 - 8 Brix ถึงแม้ว่ามะเขือเทศ ซูปเปอร์ สวีท 100 นี้จะมีความหวานและสีที่ไม่เข้มเท่ากับมะเขือเทศ สายพันธุ์น้องใหม่จากญี่ปุ่นอย่าง "ซันเชอรี่" ก็ตาม แต่ด้วยปริมาณผลผลิตที่มีมากกว่ามะเขือเทศเชอรี่หวานสายพันธุ์อื่นๆ (เฉลี่ยมากกว่า 100 ลูกต่อต้น) ทำให้มะเขือเทศซุปเปอร์ สวีท 100 ยังคงได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกมะเขือเทศเชอรี่หวานมาจนถึงปัจจุบันนี้
วิธีการเพาะเมล็ด
1. การเพาะเมล็ดมะเขือเทศ
นำเมล็ดพันธุ์มะเขือเทศแช่ในน้ำสะอาดประมาณ ประมาณ ไม่เกิน 1 สัปดาห์ จะสังเกตุเห็นรากสีขาวโผล่ออกจากเมล็ดให้รีบย้ายปลูกได้เลยครับ
นำเมล็ดพันธุ์มะเขือเทศแช่ในน้ำสะอาดประมาณ ประมาณ ไม่เกิน 1 สัปดาห์ จะสังเกตุเห็นรากสีขาวโผล่ออกจากเมล็ดให้รีบย้ายปลูกได้เลยครับ
2. การเพาะกล้า
• บรรจุวัสดุเพาะกล้า (พีทมอส, เพอร์ไลท์, ฟองน้ำ ฯลฯ)
• นำเมล็ดทีบ่มการงอกมาหยอดลงในถาดเพาะโดยวางให้เมล็ดอยู่ในแนวนอนทำมุมประมาณ 45 องศา และปลายรากแทงลงวัสดุเพาะ ระวังอย่าให้รากอ่อนของเมล็ดหักหรือแห้ง กลบด้วยวัสดุเพาะกล้า แล้วกดทับเบาๆ
• รดน้ำให้ชุ่ม นำไปเก็บในโรงเรือนเพาะกล้า หรือบริเวณที่มีแสงแดดรำไร
• รดน้ำทุกวัน เพื่อให้วัสดุเพาะกล้าชุ่มอยู่เสมอ จนอายุกล้าได้ 20-30 วัน ก็สามารถย้ายปลูกได้เลยครับ
3. การย้ายกล้า
ควรย้ายกล้าเมื่อมีใบแท้ 4-5 ใบ หรืออายุไม่เกิน 20-30 วัน ข้อควรระวังในการย้ายกล้าลงปลูกในแปลง ควรปฏิบัติดังนี้
1. หากมีการเคลื่อนย้ายต้นกล้าจากโรงเรือนไปแปลงเพาะปลูกที่มีระยะห่างกันมาก ควรพักต้นกล้าก่อน ปลูกอย่างน้อย 1 วัน
2. ก่อนปลูก 2 วัน ควรรดน้ำแปลงให้ชุ่ม และพ่นสารป้องกันกำจัดแมลงและโรคพืช
3. ควรย้ายกล้าในช่วงเย็น อากาศไม่ร้อนแดดไม่จัด
4. หลุมปลูกควรมีความลึกและกว้าง เท่ากับขนาดหลุมของถาดเพาะกล้า
5. ควรระวังอย่าให้วัสดุเพาะแตกหรือรากขาด เพราะจะทำให้ต้นกล้าชะงักการเจริญเติบโต (ควรฉีดยาป้องกันเชื้อราร่วมด้วย)
6. เวลาย้ายต้นกล้าจากถาดเพาะลงแปลง ให้จับบริเวณปลายยอดไม่ควรดึงหรือบีบบริเวณโคนต้นกลบดินครอบคลุมโดนต้นกล้า
การตัดแต่งมะเขือเทศ
สำหรับมะเขือเทศหวาน ซุปเปอร์ สวีท 100 จะมีจำนวนผลต่อกิ่งประมาณ 20 - 30 ลูก แต่เพื่อความสมบูรณ์ของผลเราจึง ควรมีการจำกัดจำนวนผลใน 1 ช่อ โดยการตัดผลส่วนปลายออกบางส่วน คงเหลือไว้ 10 -15 ผลต่อช่อ เพื่อให้ผลมีขนาดใหญ่ มีสม่ำเสมอ และได้ความหวานสูงสุด
ขั้นตอนการตัดแต่งแขนง
มะเขือเทศควรมีการตัดแต่งและเด็ดแขนงด้านข้าง และใบแก่ด้านล่างที่ต่ำกว่าช่อดอกออก (ตามภาพด้านล่าง) เพื่อทำให้ต้นพืชมีการระบายอากาศได้ดี ซึ่งช่วยลดการเข้าทำลายของโรค และควรเด็ดแขนงด้านข้างก่อนยาวมากกว่า 5 ซม. ควรตัดแต่งในช่วงตอนเช้า เพื่อให้แสงแดดช่วยในการปิดบาดแผล และต้นพืชสามารถรักษาแผลได้เร็ว ป้องกันการเข้าทำลายของโรคผ่านทางบาดแผล หลังจากต้นมะเขือสูงได้ประมาณ 1.8 ม. ให้ตัดยอดต้นมะเขือออกด้วย เนื่องจากผลผลิตที่ได้จากด้านบนคุณภาพจะเริ่มลดลง
ขั้นตอนการผสมดอก
1. ในโรงเรือน การผสมเกสรของมะเขือเทศจะอาศัยผึ้งในการผสมเกสร โดยผึ้งจะถูกนำมาใส่ไว้ตั้งแต่เริ่มเกิดดอกแรก
2. ถ้าไม่ใช้ผึ้ง การผสมเกสรจะสามารถทำได้โดยการเขย่าดอก โดยทำการเขย่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์
หมายเหตุ:
เมื่ออุณภูมิกลางคืนต่ำกว่า 10 C และต่ำเป็นช่วงเวลายาวระหว่างกลางวัน จะทำให้มะเขือเทศลดจำนวนและความมีชีวิตของเกสรลง ถ้าไม่มีเกสรก็ไม่มีประโยชน์ในการใช้ผึ้งหรือการเขย่า ดังนั้นการใช้ฮอร์โมนจึงถูกนำมาใช้ ฮอร์โมนที่ใช้ช่วยให้ติดผลได้ แต่การใช้ฮอร์โมนช่วยในการติดผล จะส่งผลทำให้รูปร่างผลผิดปกติด้วย
อายุการเก็บเกี่ยว
ขึ้นกับสายพันธุ์และชนิดของมะเขือเทศ
1. Cherry type 40-50 วันหลังย้ายกล้า
2. Seda type 50-60 วันหลังย้ายกล้า
3. Processing , Roma , Table type 60-75 วันหลังย้ายกล้า
2. Seda type 50-60 วันหลังย้ายกล้า
3. Processing , Roma , Table type 60-75 วันหลังย้ายกล้า
วันพฤหัสบดีที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2558
การปลูกพืชในวัสดุทดแทนดิน (Substrate culture)
การปลูกในวัสดุทดแทนดิน ยังเป็นการปลูกพืชที่ช่วยแก้ไขปัญหาการขาดอ๊อกซิเจนที่รากในพืชต่างๆ เช่น มะเขือเทศ, พริกหวาน, แตงกวา, เมล่อน ฯลฯ โดยพืชเหล่านี้เป็นพืชที่ต้องการอ๊อกซิเจนที่รากค่อนข้างมาก ซึ่งการปลูกพืชแบบรากแช่ในสารละลาย ในพื้นที่อากาศร้อนมักประสบปัญหาอุณหภูมิของน้ำสูงเกินไป ทำให้รากพืชขาดอ๊อกซิเจน จนทำให้พืชนั้นอ่อนแอ และเกิดโรคขึ้นได้ง่าย
การปลูกพืชด้วยวิธีนี้เป็นการนำวัสดุชนิดต่างๆ มาใช้เพื่อทำให้ที่ให้รากพืชยึดเกาะพยุงลำต้นไว้ได้ โดยวัสดุปลูกที่เราจะนำมาใช้ทดแทนดินที่ดีนั้น ต้องคำนึงถึงปัจจัยหลายอย่างประกอบกัน เช่น
4. ใยหิน (Rockwool)
- แหล่งกำเนิด หลอมหินภูเขาไฟและปั่นให้เป็นเส้นใยผสมสารเรซิน 4 - 5%
- ค่า pH : 7 - 9.5
- คุณสมบัติการอุ้มน้ำ 70 - 80 %
- คุณสมบัติการแลกเปลี่ยนประจุ ไม่มี
- ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางที่นิยมนำมาใช้ 8 - 16 มม.
- ความพรุน 98%
- ความคงทนของโครงสร้าง ไม่ดี
- ลักษณะการนำมาใช้ นิยมนำมาใช้วัสดุเพาะเกล้า, เป็นวัสดุปลูก , ฉนวนกันความร้อน
- อายุการใช้งาน 1 ครั้ง
- ราคา สูง
- ข้อดี การระบายน้ำและอากาศดีมาก, ไม่ทำปฎิกิริยาทางเคมีกับธาตุอาหารพืช, ความพรุนสูง
- ข้อเสีย ราคาค่อนข้างแพง
5. เพอร์ไลท์ (Perlite)
- แหล่งกำเนิด เผาหินภูเขาไฟด้วยความร้อน 1,200 องศาเซลเซียส
- ค่า pH : 7 - 7.2
- คุณสมบัติการอุ้มน้ำ 250 - 300 ลิตร ต่อเพอร์ไลท์ 1 ลูกบาศก์เมตร
- คุณสมบัติการแลกเปลี่ยนประจุ ไม่มี
- ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางที่นิยมนำมาใช้ 1.5 - 6 มม.
- ความพรุน 97%
- ความคงทนของโครงสร้าง ดี
- ลักษณะการนำมาใช้ นิยมนำมาใช้วัสดุเพาะเกล้า, เป็นวัสดุปลูก
- อายุการใช้งาน 1 ครั้ง
- ราคา สูง
- ข้อดี การระบายน้ำและอากาศดี, ไม่ทำปฎิกิริยาทางเคมีกับธาตุอาหารพืช, น้ำหนักเบา
- ข้อเสีย ราคาค่อนข้างแพง
6. เวอร์มิคูไลท์ (Vermiculite)
- แหล่งกำเนิด เผาแร่ไมก้าด้วยความร้อน 850 องศาเซลเซียส
- ค่า pH : 7 - 7.2
- คุณสมบัติการอุ้มน้ำ 350 - 375 ลิตร ต่อเวอร์มิคูไลท์ 1 ลูกบาศก์เมตร
- คุณสมบัติการแลกเปลี่ยนประจุ 65 - 140 me/100 gm
- ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางที่นิยมนำมาใช้ 1 - 6 มม.
- ความพรุน 96%
- ความคงทนของโครงสร้าง ไม่ดี
- ลักษณะการนำมาใช้ นิยมนำมาใช้วัสดุผสมเพาะเกล้า
- อายุการใช้งาน 1 ครั้ง
- ราคา สูง
- ข้อดี การระบายน้ำและอากาศดี, อุ้มน้ำได้ดี, น้ำหนักเบา
- ข้อเสีย ราคาค่อนข้างแพง, มีการแลกเปลี่ยนประจุเคมี, โครงสร้างย่อยสลายตัวง่าย
7. แกลบดิบ
- แหล่งกำเนิด เปลือกหุ้มเมล็ดข้าว
- ค่า pH : 6 - 7
- คุณสมบัติการอุ้มน้ำ น้อย
- คุณสมบัติการแลกเปลี่ยนประจุ ต่ำ
- ความพรุน สูง
- ความคงทนของโครงสร้าง ย่อยสลายง่ายเมื่อถูกน้ำ
- ลักษณะการนำมาใช้ นิยมนำมาใช้วัสดุผสมเพาะเกล้า, วัสดุผสมปลูก
- อายุการใช้งาน 1 - 3 ครั้ง
- ราคา ถูก
- ข้อดี น้ำหนักเบา, ราคาถูก
- ข้อเสีย อุ้มน้ำได้ไม่ดี, โครงสร้างย่อยสลายตัวง่าย, อัดตัวแน่นเมื่อถูกน้ำ
8. ขุยมะพร้าว
- แหล่งกำเนิด ปั่นใยออกจากเปลือกมะพร้าวจะได้เป็นเศษขุยเปลือกด้านในลูกมะพร้าว
- ค่า pH : 6 - 7
- คุณสมบัติการอุ้มน้ำ ได้ดีมาก
- คุณสมบัติการแลกเปลี่ยนประจุ สูงเมื่อขุยมะพร้าวผ่านขบวนการย่อยสลายตัว
- ความพรุน สูง
- ความคงทนของโครงสร้าง ปานกลาง มีการย่อยสลาย
- ลักษณะการนำมาใช้ นิยมนำมาใช้วัสดุผสมเพาะเกล้า, นำมาใช้เป็นวัสดุปลูก
- อายุการใช้งาน 2 - 3 ครั้ง
- ราคา ถูก
- ข้อดี น้ำหนักเบา, อุ้มน้ำได้ดีมาก, ราคาถูก
- ข้อเสีย เมื่อย่อยสลายจะอัดตัวกันแน่นทำให้เกิดปัญหาเรื่องการระบายอากาศ
1. มีอัตราส่วนพื้นที่ของอากาศและน้ำเหมาะสม อัตราส่วนประมาณ 50 : 50 หมายถึง วัสดุที่มีการระบายอากาศและน้ำได้ดี หรือมีความพรุนสูง ไม่เป็นวัสดุที่มีการสะสมความร้อน
2. โครงสร้างของวัสดุปลูกไม่อัดตัวกันแน่น หรือยุบตัวง่ายเมื่อถูกน้ำและใช้ไประยะหนึ่ง
3. วัสดุปลูกต้องไม่ทำปฎิกิริยทางเคมีเมื่อสัมผัสกับธาตุอาหารพืชจนเกิดอันตรายกับรากพืช
4. เป็นวัสดุที่สะอาด คือไม่มีการสะสมของเชื้อโรค หรือแมลง
5. เป็นวัสดุที่หาได้ง่าย และราคาไม่แพงจนเกินไป
ในการปลูกพืชโดยใช้วัสดุปลูกให้ประสบความสำเร็จนั้น ผู้ปลูกต้องทราบถึงคุณสมบัติของวัสดุที่เรานำมาใช้ปลูกนั้นเป็นอย่างดีเพื่อที่เราจะได้สามารถควบคุมปริมาณการให้น้ำและสารละลายธาตุอาหารพืชได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม วัสดุปลูกทดแทนการใช้ดินที่นิยมนำมาใช้ได้แก่
1. หินภูเขาไฟ
- แหล่งกำเนิด : หินภูเขาไฟ
- ค่า pH : 6.5
- คุณสมบัติการอุ้มน้ำ 19%
- คุณสมบัติการแลกเปลี่ยนประจุ ไม่มี
- ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางที่นิยมนำมาใช้ 3 - 15 มม.
- ความพรุน 73%
- ความคงทนของโครงสร้าง ดีมาก
- ลักษณะการนำมาใช้ วัสดุเพาะชำ, วัสดุผสมปลูก
- อายุการใช้งาน หลายปี
- ราคา ถูก
- ข้อดี มีการระบายน้ำดีมาก, ไม่ทำปฎิกิริยาทางเคมีกับธาตุอาหารพืช, อายุการใช้งานนาน
- ข้อเสีย อุ้มน้ำได้น้อย, มีน้ำหนักมาก
2. ทรายหยาบ
- แหล่งกำเนิด แม่น้ำ
- คุณสมบัติการอุ้มน้ำ ค่อนข้างดี
- คุณสมบัติการแลกเปลี่ยนประจุ ไม่มี
- ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางที่นิยมนำมาใช้ 0.5 - 2 มม.
- ความพรุน ต่ำ
- ความคงทนของโครงสร้าง ดีมาก
- ลักษณะการนำมาใช้ นิยมนำมาใช้วัสดุกรอง หรือผสมเป็นวัสดุปลูก
- อายุการใช้งาน หลายปี
- ราคา ปานกลาง
- ข้อดี อุ้มน้ำได้ดีกว่ากรวด, ไม่ทำปฎิกิริยาทางเคมีกับธาตุอาหารพืช, อายุการใช้งานนาน, ราคาถูก
- ข้อเสีย มีปัญหาการอัดตัวแน่นเมื่อใช้เป็นเวลานาน, มีน้ำหนักมาก, ความพรุนต่ำ
3. เม็ดดินเผา (Hydro Clay)
- แหล่งกำเนิด : หินภูเขาไฟ
- ค่า pH : 6.5
- คุณสมบัติการอุ้มน้ำ 19%
- คุณสมบัติการแลกเปลี่ยนประจุ ไม่มี
- ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางที่นิยมนำมาใช้ 3 - 15 มม.
- ความพรุน 73%
- ความคงทนของโครงสร้าง ดีมาก
- ลักษณะการนำมาใช้ วัสดุเพาะชำ, วัสดุผสมปลูก
- อายุการใช้งาน หลายปี
- ราคา ถูก
- ข้อดี มีการระบายน้ำดีมาก, ไม่ทำปฎิกิริยาทางเคมีกับธาตุอาหารพืช, อายุการใช้งานนาน
- ข้อเสีย อุ้มน้ำได้น้อย, มีน้ำหนักมาก
2. ทรายหยาบ
- แหล่งกำเนิด แม่น้ำ
- คุณสมบัติการอุ้มน้ำ ค่อนข้างดี
- คุณสมบัติการแลกเปลี่ยนประจุ ไม่มี
- ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางที่นิยมนำมาใช้ 0.5 - 2 มม.
- ความพรุน ต่ำ
- ความคงทนของโครงสร้าง ดีมาก
- ลักษณะการนำมาใช้ นิยมนำมาใช้วัสดุกรอง หรือผสมเป็นวัสดุปลูก
- อายุการใช้งาน หลายปี
- ราคา ปานกลาง
- ข้อดี อุ้มน้ำได้ดีกว่ากรวด, ไม่ทำปฎิกิริยาทางเคมีกับธาตุอาหารพืช, อายุการใช้งานนาน, ราคาถูก
- ข้อเสีย มีปัญหาการอัดตัวแน่นเมื่อใช้เป็นเวลานาน, มีน้ำหนักมาก, ความพรุนต่ำ
3. เม็ดดินเผา (Hydro Clay)
- แหล่งกำเนิด การเผาดินเหนียวที่อุณหภูมิ 1,100 องศาเซลเซียส
- ค่า pH : 5 - 7
- คุณสมบัติการอุ้มน้ำ 14 - 16 %
- คุณสมบัติการแลกเปลี่ยนประจุ ไม่มี
- ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางที่นิยมนำมาใช้ 8 - 16 มม.
- ความพรุน สูง
- ความคงทนของโครงสร้าง ดีมาก
- ลักษณะการนำมาใช้ นิยมนำมาใช้วัสดุกรอง, เป็นวัสดุปลูก
- อายุการใช้งาน หลายปี
- ราคา สูง
- ข้อดี การระบายอากาศดีมาก, ไม่ทำปฎิกิริยาทางเคมีกับธาตุอาหารพืช, อายุการใช้งานนาน
- ข้อเสีย อุ้มน้ำได้น้อย, มีน้ำหนักมาก, ราคาค่อนข้างแพง
- ค่า pH : 5 - 7
- คุณสมบัติการอุ้มน้ำ 14 - 16 %
- คุณสมบัติการแลกเปลี่ยนประจุ ไม่มี
- ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางที่นิยมนำมาใช้ 8 - 16 มม.
- ความพรุน สูง
- ความคงทนของโครงสร้าง ดีมาก
- ลักษณะการนำมาใช้ นิยมนำมาใช้วัสดุกรอง, เป็นวัสดุปลูก
- อายุการใช้งาน หลายปี
- ราคา สูง
- ข้อดี การระบายอากาศดีมาก, ไม่ทำปฎิกิริยาทางเคมีกับธาตุอาหารพืช, อายุการใช้งานนาน
- ข้อเสีย อุ้มน้ำได้น้อย, มีน้ำหนักมาก, ราคาค่อนข้างแพง
4. ใยหิน (Rockwool)
- แหล่งกำเนิด หลอมหินภูเขาไฟและปั่นให้เป็นเส้นใยผสมสารเรซิน 4 - 5%
- ค่า pH : 7 - 9.5
- คุณสมบัติการอุ้มน้ำ 70 - 80 %
- คุณสมบัติการแลกเปลี่ยนประจุ ไม่มี
- ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางที่นิยมนำมาใช้ 8 - 16 มม.
- ความพรุน 98%
- ความคงทนของโครงสร้าง ไม่ดี
- ลักษณะการนำมาใช้ นิยมนำมาใช้วัสดุเพาะเกล้า, เป็นวัสดุปลูก , ฉนวนกันความร้อน
- อายุการใช้งาน 1 ครั้ง
- ราคา สูง
- ข้อดี การระบายน้ำและอากาศดีมาก, ไม่ทำปฎิกิริยาทางเคมีกับธาตุอาหารพืช, ความพรุนสูง
- ข้อเสีย ราคาค่อนข้างแพง
5. เพอร์ไลท์ (Perlite)
- แหล่งกำเนิด เผาหินภูเขาไฟด้วยความร้อน 1,200 องศาเซลเซียส
- ค่า pH : 7 - 7.2
- คุณสมบัติการอุ้มน้ำ 250 - 300 ลิตร ต่อเพอร์ไลท์ 1 ลูกบาศก์เมตร
- คุณสมบัติการแลกเปลี่ยนประจุ ไม่มี
- ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางที่นิยมนำมาใช้ 1.5 - 6 มม.
- ความพรุน 97%
- ความคงทนของโครงสร้าง ดี
- ลักษณะการนำมาใช้ นิยมนำมาใช้วัสดุเพาะเกล้า, เป็นวัสดุปลูก
- อายุการใช้งาน 1 ครั้ง
- ราคา สูง
- ข้อดี การระบายน้ำและอากาศดี, ไม่ทำปฎิกิริยาทางเคมีกับธาตุอาหารพืช, น้ำหนักเบา
- ข้อเสีย ราคาค่อนข้างแพง
6. เวอร์มิคูไลท์ (Vermiculite)
- แหล่งกำเนิด เผาแร่ไมก้าด้วยความร้อน 850 องศาเซลเซียส
- ค่า pH : 7 - 7.2
- คุณสมบัติการอุ้มน้ำ 350 - 375 ลิตร ต่อเวอร์มิคูไลท์ 1 ลูกบาศก์เมตร
- คุณสมบัติการแลกเปลี่ยนประจุ 65 - 140 me/100 gm
- ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางที่นิยมนำมาใช้ 1 - 6 มม.
- ความพรุน 96%
- ความคงทนของโครงสร้าง ไม่ดี
- ลักษณะการนำมาใช้ นิยมนำมาใช้วัสดุผสมเพาะเกล้า
- อายุการใช้งาน 1 ครั้ง
- ราคา สูง
- ข้อดี การระบายน้ำและอากาศดี, อุ้มน้ำได้ดี, น้ำหนักเบา
- ข้อเสีย ราคาค่อนข้างแพง, มีการแลกเปลี่ยนประจุเคมี, โครงสร้างย่อยสลายตัวง่าย
7. แกลบดิบ
- แหล่งกำเนิด เปลือกหุ้มเมล็ดข้าว
- ค่า pH : 6 - 7
- คุณสมบัติการอุ้มน้ำ น้อย
- คุณสมบัติการแลกเปลี่ยนประจุ ต่ำ
- ความพรุน สูง
- ความคงทนของโครงสร้าง ย่อยสลายง่ายเมื่อถูกน้ำ
- ลักษณะการนำมาใช้ นิยมนำมาใช้วัสดุผสมเพาะเกล้า, วัสดุผสมปลูก
- อายุการใช้งาน 1 - 3 ครั้ง
- ราคา ถูก
- ข้อดี น้ำหนักเบา, ราคาถูก
- ข้อเสีย อุ้มน้ำได้ไม่ดี, โครงสร้างย่อยสลายตัวง่าย, อัดตัวแน่นเมื่อถูกน้ำ
8. ขุยมะพร้าว
- แหล่งกำเนิด ปั่นใยออกจากเปลือกมะพร้าวจะได้เป็นเศษขุยเปลือกด้านในลูกมะพร้าว
- ค่า pH : 6 - 7
- คุณสมบัติการอุ้มน้ำ ได้ดีมาก
- คุณสมบัติการแลกเปลี่ยนประจุ สูงเมื่อขุยมะพร้าวผ่านขบวนการย่อยสลายตัว
- ความพรุน สูง
- ความคงทนของโครงสร้าง ปานกลาง มีการย่อยสลาย
- ลักษณะการนำมาใช้ นิยมนำมาใช้วัสดุผสมเพาะเกล้า, นำมาใช้เป็นวัสดุปลูก
- อายุการใช้งาน 2 - 3 ครั้ง
- ราคา ถูก
- ข้อดี น้ำหนักเบา, อุ้มน้ำได้ดีมาก, ราคาถูก
- ข้อเสีย เมื่อย่อยสลายจะอัดตัวกันแน่นทำให้เกิดปัญหาเรื่องการระบายอากาศ