วันจันทร์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

ตั้งโอ๋ญี่ปุ่น (Shungiku)



ตั้งโอ๋ (Garland Chrysanthemum) เป็นผักต่างประเทศในแถบประเทศจีน และญี่ปุ่น นิยมอย่างมากเพื่อประทานสด และประกอบอาหาร โดยเฉพาะชาวญี่ปุ่น ที่ใช้ทำอาหารในแถบทุกเมนู เนื่องจาก ลำต้น และใบมีความกรอบ หวาน และมีกลิ่นหอม


ถิ่นกำเนิด และการแพร่กระจาย
ตังโอ๋ เป็นผักชนิดหนึ่งที่อยู่ในตระกูลเดียวกันกับดอกเบญจมาศ และเก็กฮวย มีแหล่งกำเนิดเอเชียตอนบน ได้แก่ ประเทศจีน เกาหลี และญี่ปุ่น ของเอเชีย ปัจจุบัน พบนำเข้ามาปลูกในหลายประเทศของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้


ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
1. ราก และลำต้น  ผักตังโอ๋ เป็นผักฤดูเดียว ในระยะต้นอ่อนมีลำต้นสั้นๆ เมื่อถึงระยะออกดอกลำต้นขยายยาวขึ้น กลายเป็นช่อดอก
2. ใบ   ตั้งโอ๋ออกเป็นใบเดี่ยวเรียงสลับตรงข้ามกันบนลำต้น ขนาดใบกว้าง 3-5 เซนติเมตร ยาว 5-10 เซนติเมตร แผ่นใบเรียบ และบาง ขอบใบหยักเว้าแหว่งลงลึก และแผ่นใบยาวตั้งแต่โคนใบถึงปลายใบ เมื่อเติบโตถึงระยะออกดอก แผ่นใบจะเรียวยาวมากขึ้น และเว้าลึกมากขึ้น
 
3. ดอก  ดอกตั้งโอ๋มีลักษณะคล้ายดอกดอกเบญจมาศหรือดอกเก็กฮวย ดอกมีก้านดอกยาว ทรงกลมสีเขียว กลีบดอกมีสีเหลืองล้อมรอบดอก ประมาณ 12-14 กลีบ แต่ละกลีบมีรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ปลายกลีบตัด และหยักเว้าเป็นช่วงๆ ขนาดดอกเมื่อบานประมาณ 3-8 เซนติเมตร ตรงกลางดอกมีเกสรตัวผู้เป็นก้านยาวสีเหลืองล้อมรอบจำนวนมาก ตรงกลางด้านในสุดเป็นเกสรตัวเมีย และฐานดอกเป็นรังไข่
4. เมล็ด   ตั้งโอ๋มีลักษณะของผลหุ้มเมล็ดคล้ายกับของดอกเบญจมาศ และเก็กฮวย โดยผลจำนวนมากขึ้นรวมกันเป็นกลุ่ม มีลักษณะผลเรียวยาว มีขั้วผล และปลายผลแหลม กลางผลพองใหญ่ เปลือกหุ้มผลมีสีน้ำตาลอมดำ แต่ละผลมีเมล็ด 1 เมล็ด แต่ละเมล็ดมีลักษณะเป็นเหลี่ยม เปลือกเมล็ดบางติดกับเนื้อเมล็ด สีน้ำตาลจนถึงน้ำตาลดำ
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ garland chrysanthemum seed
            ตั้งโอ๋ เป็นพืชที่มีสารอาหาร และแร่ธาตุหลายชนิดที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย อาทิ คาร์โบไฮเดรต, ไขมัน, วิตามิน C, วิตามินบี2, แคลเซียม, เหล็ก, ฟอสฟอรัส, แมกนีเซียม, ไลซีน และ เบต้าแคโรทีน เป็นต้น ซึ่งสารเหล่านี้ ช่วยในการเสริมสร้างพลังงาน และช่วยการทำงานของอวัยวะต่างๆให้เป็นปรกติ รวมถึงมีสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งช่วยป้องกันการเสื่อมของเซลล์ในร่างกาย และช่วยป้องกันมะเร็งลำไส้ได้ดีอีกด้วย
สรรพคุณตังโอ๋
– ช่วยต้านเซลล์มะเร็ง
– ช่วยแก้อาการร้อนใน
– ต้านเลือดออกตามไรฟัน
– ป้องกันโรคกระดูกเสื่อม กระดูกพรุน
– ในตำราแพทย์จีนเชื่อว่า ตังโอ๋ช่วยบำรุงตับ ม้าม และเสริมการทำงาน
– ช่วยในการย่อยอาหาร และกระตุ้นการทำงานของกระเพาะอาหาร
– กำจัดความชื้นในปอด กระตุ้นการทำงานของปอด
– ช่วยขับเสมหะ ช่วยบรรเทาอาการไอ และอาการระคายคอ
– ช่วยแก้อาการสะอึก
– ช่วยบรรเทาอาการแน่นท้อง และเจ็บหน้าอก
– ช่วยบรรเทาอาการปวดศีรษะ และเวียนศีรษะ
– ช่วยกำจัดสารพิษออกจากร่างกาย
การปลูกตังโอ๋
ตังโอ๋ เป็นพืชที่ใช้วิธีขยายพันธุ์ และปลูกด้วยเมล็ดเป็นหลัก มีขั้นตอนดังนี้
การเพาะเมล็ด
ตั้งโอ๋สามารถปลูกได้ทั้งแบบลงดินหรือแบบไร้ดินก็ได้ โดยการเพาะเมล็ดสามารถนำเมล็ดไปเพาะลงวัสดุปลูกได้โดยตรง โดยเมล็ดตั้งโอ๋จะงอกจากเมล็ดหลังจากได้รับน้ำประมาณ 2 วัน
การเตรียมแปลง
แปลงปลูกตั้งโอ๋ ควรไถพรวนแปลงก่อน 1-2 รอบ แต่ละรอบตากดินนาน 5-10 วัน พร้อมกำจัดวัชพืชออกให้หมด และก่อนไถรอบ 2 ให้หว่านรองพื้นด้วยปุ๋ยคอก อัตรา 1-2 ตัน/ไร่ แล้วไถยกแปลงในครั้งที่ 2 ขนาดแปลงกว้าง 1-1.5 เมตร เว้นช่องว่างระหว่างแปลง ประมาณ 40 เซนติเมตร
การเพาะกล้า
การเพาะกล้าตังโอ๋ อาจเพาะลงแปลงหรือเพาะในกระบะเพาะ โดยการเพาะลงแปลง ต้องเตรียมแปลงด้วยการพรวนดินก่อน ขนาดแปลงขึ้นอยู่กับปริมาณการปลูก แต่ควรเพาะในแปลงกว้างประมาณ 1 เมตร ส่วนความยาวตามต้องการ เพื่อให้ง่ายต่อการดูแล และย้ายกล้า ส่วนการเพาะในกระบะ ให้หยอดเมล็ดลงหลุมกระบะ ประมาณ 2-3 เมล็ด/หลุม จากนั้น รดน้ำให้ชุ่ม และดูแลต่อประมาณ 7-10 วัน หลังวอก ค่อยย้ายปลูกลงแปลง
วิธีปลูก
การปลูกตั้งโอ๋คล้ายกับการปลูกผักอายุสั้นทั่วไป คือ ปลูกลงแปลงขนาด 1-2 เมตร เว้นช่องแปลงเพื่อเข้าเก็บ ประมาณ 30-40 เซนติเมตร ปลูกจากต้นกล้าเรียงเป็นแถว ระยะห่างระหว่างแถว และต้น ประมาณ 10-15 เซนติเมตร หรือเกษตรกรบางรายอาจใช้วิธีหว่านเมล็ดลงแปลงแทนการเพาะกล้า ซึ่งได้ผลไม่แตกต่างกันมากนัก
การดูแล
– การให้น้ำ ในระยะหลังย้ายกล้าวันแรกจนถึง 7-10 วัน ควรให้น้ำทุกวัน ให้ในปริมาณเพียงชื้นหน้าดิน จากนั้น ลดการให้น้ำ 2 วัน/ครั้ง จนถึงต้นพร้อมเก็บเกี่ยว ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ และความแล้ง แต่ควรมั่นตรวจสอบหน้าดินในแปลงไม่ให้แห้ง
– การใส่ปุ๋ย ให้ใส่หลังย้ายกล้าปลูก 7-10 วัน หรือ 10-15 วัน หรือใส่ครั้งเดียว ประมาณ 15-20 วัน หลังการเมล็ดงอกสำหรับการปลูกแบบหว่านเมล็ด โดยใช้ปุ๋ยสูตร 16-8-8 อัตรา 5-10 กิโลกรัม/ไร่ ร่วมกับปุ๋ยคอก ด้วยการหว่านปุ๋ยลงแปลง
– การกำจัดวัชพืช ให้กำจัดวัชพืชทุกๆ 20 วัน ด้วยการถอนต้นด้วยมือเป็นหลัก
การเก็บเกี่ยว
ตั้งโอ๋เป็นพืชอายุสั้น ฤดูเดียว นิยมเก็บลำต้น และใบ ก่อนระยะออกดอก เพราะใบ และลำต้นมีขนาดใหญ่ หากปล่อยให้ถึงระยะออกดอก จะมีลำต้น และใบเรียวเล็ก ใบเว้าแว่งมาก ไม่ค่อยกรอบ และหยาบ ตั้งโอ๋เริ่มเก็บลำต้น และใบได้ ตั้งแต่ 20-30 วัน หลังย้ายกล้าปลูก หรือประมาณ 30-45 วัน หลังเมล็ดงอก ทั้งนี้ การเก็บตั้งโอ๋ ให้เก็บด้วยการถอนทั้งต้น หรือ ใช้มีดตัดโคนต้นออก สำหรับการทานแบบไมโครกรีนปกติจะเก็บมารับประทานเมื่อผักมีอายุได้ไม่เกิน 30 วัน

วันศุกร์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

เลม่อนบาล์ม (Lemon Balm)




คะน้าใบหยิก แบล็คเมจิก (Black MagicKale)



ตัวอย่างเคล Black Magic Kale ที่ทางเซนฯ ได้ทดลองปลูกในกระถางขนาด 8 นิ้ว












 



























































แรดิชกลม สีแดง (Round Red Radish)


ข้อมูลพื้นฐาน 
               แรดิช (Radish) มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ Raphanus Sativus L. Var.Radicula  เป็นพืชที่อยู่ในตระกูลเดียวกับกะหล่ำ  มีต้นกำเนิดมาจากประเทศอียีปต์  ต่อมาได้แพร่กระจายเข้ามาปลูกในประเทศจีน และญี่ปุ่น รวมถึงยุโรปตอนกลาง  แรดิชเป็นพืชที่มีปายุปลูกสั้นเพียง 20 - 30 วัน มีรากสะสมอาหารใต้ดินที่เรียกว่าหัว มีลัดษณะกลม หรือทรงรี ผิวเป็นมันมีสีต่างๆ ตามชนิดและสายพันธุ์ อาทิเช่น  สีแดง, สีขาว, สีม่วง, สีชมพู, สีดำ ฯลฯ


สภาพแวดล้อมในการปลูก
               แรดิช เป็นพืชที่เจริญเติบโตเร็วมาก ดังนั้นลักษณะของดินที่ใช้ปลูกควารเป็นดินร่วนปนทราย  มีอินทรีย์วัตถุสูง  หน้าดินลึกพอสมควร  มีการระบายน้ำได้ดี มีค่าความเป็นกรดด่า
ประมาณ 6.0 - 6.8  ก่อนปลูกควรมีการย่อยดินให้ละเอียด ไม่มีเศษหินหรือเป็นดินก้อนแข็งๆ หรือปลูกคอกที่ยังไม่ย่อยสลาย เนื่องจากจะทำให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพต่ำ  แรดิชเป็นพืชที่ต้องการดินที่มีความชื้นสูง และสม่ำเสมอตลอดระยะเวลาการปลูก แต่ต้องไม่แฉะ และเป็นพื้นที่ๆ ได้รับแสงแดดตลอดวัน เพื่อการเจริญเติบโตและการลงหัว  ดังนั้นควรปลูกในพื้นที่โล่งแจ้งไม่มีร่มเงาบัง